loader image

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ตอกย้ำ กลยุทธ์ ‘Turnkey Asset Development’ ปรับตัวเข้าสถานการณ์ แจกประกันโควิด-19 พนักงานและผู้เข้าชมโครงการ

นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว และจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบกับทั้งประเทศไทยและทั่วโลก บริษัทฯ ได้ตระหนักและคำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้ อัลติจูด ประสบความสำเร็จด้วยดีจากการวางตำแหน่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รอบด้านในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นในปี 2563 จึงยังเน้นย้ำกลยุทธ์การเติบโตด้วยธุรกิจร่วมทุนและรับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ (Turnkey Asset Development) เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโครงการร่วมทุนและร่วมค้า เพื่อเป็นการแก้เกมเศรษฐกิจช่วงขาลง โดยร่วมมือกับผู้มีที่ดินเปล่า หรืออาคาร ที่ปัจจุบันไม่ก่อเกิดรายได้ หรือทำรายได้น้อยไม่คุ้มกับมูลค่าปัจจุบัน และยังไม่ต้องการลงทุนเพิ่ม หรือสร้างภาระหนี้ผูกพันใดๆ หรือรวมไปถึงผู้ที่มีเงินทุนสะสมจากการดำเนินธุรกิจ และมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่นที่ให้ผลตอบแทนได้ไม่น้อยกว่าธุรกิจปัจจุบัน เพื่อขยายฐานธุรกิจ หรือบริหารทุนสะสมที่มีอยู่จำนวนมาก ในการร่วมพัฒนาโครงการ โดยบริษัทฯ ได้ใช้โมเดลนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2561 ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่ร่วมลงทุนแล้ว 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,600 ล้านบาท และกิจการร่วมค้า 2 โครงการ มูลค่ารวม 800 ล้านบาท กับกลุ่มครีท กรุ๊ป (Creed Group) จากญี่ปุ่น, บริษัทในเครือบิวตี้ เจมส์ (Beauty Gem) และทีคิวเอ็ม(TQM) และบริษัทในเครือออโรร่า เป็นต้น

ส่วนธุรกิจรับบริหารจัดการพัฒนาโครงการปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มเจรจาหาคู่ค้าที่ต้องการจะให้บริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการแบบครบวงจร ในโครงการของคู่ค้า ทั้งในรูปแบบมิกซ์ยูสที่ต่อยอดโครงการพักอาศัยติดโครงการเชิงพาณิชย์ในรูปแบบต่างๆ หรือนายหน้าที่มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติพร้อมซื้อ หรือต้องการว่าจ้างให้ บริษัทฯ พัฒนาโครงการให้ ซึ่งโมเดลบริหารจัดการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ มีที่ดินแล้วเสร็จ 2 โครงการ และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1 โครงการ

ด้านทิศทางการพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้ มุ่งพัฒนาสินค้าแนวราบเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่ม ผู้อยู่อาศัยจริง (Real Demand) โดยจะเปิดตัวทาวน์โฮม ระดับราคา 2.59-3.99 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ลูกของ อัลติจูด ในย่านบางนา ซึ่งเป็นเซกเมนต์ใหม่ หลังประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งจากการขายคอนโดระดับราคา 2.5-4.5 ล้านบาท กับโครงการยูนิคอร์น ภายใต้คอนเซปต์ ‘Personalized Development’ นอกจากนั้น ยังมีบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ย่านอุดมสุข โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ไตรมาส 3-4 รวมมูลค่า 1,855 ล้านบาท ส่งผลให้อัลติจูด มีสินค้าครอบคลุมตลาดในทุกเซกเมนต์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานะการเงินของบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้จากเงินโอนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนในปีนี้กว่า 1,000 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมายยอดขายปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินตามกลยุทธ์ธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทฯ วางไว้ได้อย่างถูกต้อง และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จึงได้ซื้อประกันภัยโควิด-19 มอบให้กับพนักงาน และผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการของอัลติจูด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยผู้ต้องการเข้าชมโครงการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของบริษัท www.altitude.co.th

“ปีนี้ถือเป็นโอกาสของลูกค้าที่มีความต้องการแท้จริงในการซื้อที่อยู่อาศัย ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง บวกกับทางบริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นต่างๆ ผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์ที่ออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าที่ได้ซื้อสินค้าที่คุ้มค่ายิ่งกว่า แม้จะมีความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่เป็นพนักงานประจำที่มีเงินเดือนมั่นคงยังไม่ได้รับผลกระทบมาก และกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จจากการประกอบธุรกิจยุคใหม่ กลุ่มครอบครัว High-Network ครอบครัวกงสีที่มีสินทรัพย์สะสม ที่มีความต้องการ ซื้อจริง เช่น จำเป็นต้องซื้อที่อยู่ที่ใกล้สถาบันการศึกษาของบุตรหลาน ใกล้ที่ทำงาน การขยายครอบครัว และผู้ซื้อบ้านหลังแรก ทำให้ยอดขายในปี 2562 ประมาณ 2,100 ล้านบาท และใน 2 เดือนแรกของปีนี้ 200 ล้านบาท ได้มาจากลูกค้ากลุ่มนี้มากกว่า 85% จากยอดขายทั้งหมด” นายชยพลกล่าว

นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ธุรกิจร่วมทุนและรับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ทุกรูปแบบที่สร้างความสำเร็จให้บริษัท มีองค์ประกอบของความสำเร็จอยู่ 3 ด้าน อันได้แก่ 1) ที่ดิน 2) เงินทุน และ 3) ทีมงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าประสบการณ์ทำงานของบริษัทฯ ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีโอกาสในการทำธุรกิจ ทั้งแบบพันธมิตรร่วมทุน ร่วมค้า ความเชี่ยวชาญของทีมงานตอบโจทย์พันธมิตรธุรกิจได้ทั้ง 3 กลุ่มเป้าหมาย อันได้แก่ 1) เจ้าของที่ดิน (Landlord) 2) กลุ่มทุน (Hi-Network) กลุ่มผู้มีกระแสเงินสดเหลือที่ต้องการบริหารพอร์ตลงทุน หรือกลุ่มทุนที่คาดหวังผลตอบแทนส่วนทุนมากกว่า 15% ต่อปี ซึ่งมีน้อยธุรกิจที่สามารถทำได้ 3) ตัวแทนนายหน้า (Connector) ที่สามารถรวมผู้ซื้อมาเป็นกลุ่มได้ หรือตัวแทนนายหน้าจากต่างประเทศที่มาร่วมลงทุนพร้อมกับซื้อห้องในโครงการส่วนหนึ่งขึ้นมาด้วย

“ในกลุ่มของเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่อยากทำโครงการ อยากพัฒนาโครงการบนที่ดินที่ตนเองเป็นเจ้าของที่อยู่แล้ว เมื่อเรานำเอาความเชี่ยวชาญ และทีมงานเข้าไปร่วมทำธุรกิจ การดำเนินโครงการจึงเกิดขึ้นไม่ยากในกลุ่มของเจ้าของที่ดิน เช่นเดียวกันกับเจ้าของทุน ซึ่งคือคนในกลุ่มไฮเนทเวิร์คที่มีเงินลงทุน และต้องการลงทุนในธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากว่าการพักเงินลงทุนในสินทรัพย์อื่น ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่เห็นโอกาสธุรกิจอยู่แล้ว เช่น นายหน้าที่เห็นโอกาสการลงทุน ทั้งที่หาที่ดินมาขายให้ หรือมาร่วมทุนในลักษณะพันธมิตร เมื่อมาประกอบกับองค์ความรู้ที่อัลติจูดมีจะเห็นได้ว่าเราประสบความสำเร็จกับหลายโครงการเป็นอย่างดี ซึ่งประสบการณ์ทำงานมากับทั้ง 3 กลุ่ม นี้จะเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจที่แข็งแกร่งให้กับอัลติจูดต่อไป” นายขวัญชัยกล่าว

แชร์

เรื่องราวเพิ่มเติมที่คุณอาจสนใจ

อัลติจูดส่งต่อความห่วงใย "มอบวัคซีนโมเดอร์นา" ให้กับลูกบ้าน

อัลติจูดส่งต่อความห่วงใย “มอบวัคซีนโมเดอร์นา” ให้กับลูกบ้าน

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ร่วมกับ “โรงพยาบาลวิภาวดี” ส่งมอบความห่วงใยให้กับลูกบ้านอัลติจูดคนพิเศษ ผ่านแคมเปญ F1RST CARE To get it all “อัลติจูดห่วงใย..ปลอดภัยโควิดไปด้วยกัน”    เมื่อวันที่ 3-4 ส.ค.ที่ ผ่านมา ณ โรงพยาบาลวิภาวดี อัลติจูดมอบวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา จำนวน 220 โดส พร้อมกับ “ถุงห่วงใย” ประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัยเเละสเปรย์แอลกอฮอล์ ให้แก่ลูกบ้านที่เข้าร่วมรับวัคซีน โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลของศูนย์สุขภาพและอาชีวอนามัย คอยอำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีน กิจกรรมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจภายใต้แนวคิด THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING เราจึงมุ่งส่งต่อความห่วงใย ความปลอดภัย และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ลูกบ้านให้มีภูมิคุ้มกันที่เเข็งแรง โดยหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเเบ่งเบาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของประเทศ พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจและความอุ่นใจให้แก่ลูกบ้าน ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปพร้อมกัน

อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมทุน ครีท กรุ๊ป จากญี่ปุ่น

อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมทุน ครีท กรุ๊ป จากญี่ปุ่น

เปิดตัว “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” คอนโดมิเนียมไฮไรส์ทำเลตลาดพลู เจาะตลาดมิลเลนเนียล และนักธุรกิจรุ่นใหม่ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ประกาศแผนร่วมทุนกับครีท กรุ๊ป (Creed Group) พันธมิตรใหม่จากญี่ปุ่น เสริมศักยภาพธุรกิจ นำร่องพัฒนาโครงการแฟล็กชิพ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” มูลค่า 2,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียมไฮไรส์บนทำเลศักยภาพตลาดพลู ทำเลทองแห่งใหม่ ชูจุดขายติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีตลาดพลู 0 เมตร ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ใกล้ CBDs รองรับการขยายตัวของโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียว มุ่งเจาะกลุ่มมิลเลนเนียลและนักธุรกิจรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทว่า “บริษัทยังคงเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์หลักที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาโครงการบนที่ดินทำเลดี ใจกลางเมือง และไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาและแผนการขยายงานในอนาคตจะยังคงยึดในแนวทางนี้เป็นหลัก โดยอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ในเวทีระดับโลก” ทั้งนี้ บริษัทได้ร่วมทุน (Joint Venture Agreement) กับ ครีท กรุ๊ป (Creed Group) บริษัทที่มากประสบการณ์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น และพัฒนาผลงานที่เติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาทั้งในญี่ปุ่น และภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย สปป.ลาว และบังคลาเทศ นับเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม (GDV) แล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ยังมีแนวทางขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นตลาดเป้าหมายที่สำคัญ   “การทำงานร่วมกันครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นการเปิดมิติการลงทุน และการขยายธุรกิจ ที่อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ และ ครีท กรุ๊ป มองถึงการเติบโตที่เดินหน้าไปพร้อมกัน ทั้งการเพิ่มมูลค่าให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯของบริษัทเอง และการผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต” นายชยพล กล่าว มิสเตอร์โตชิฮิโกะ มูเนโยชิ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ครีท กรุ๊ป เปิดเผยว่า “เราประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศ และประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของภูมิภาค เรามุ่งเน้นลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในทำเลที่กำลังมาแรง และต้องเป็นโครงการที่น่าสนใจและมอบสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ซึ่งโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ นั้นตอบโจทย์และเป็นโครงการร่วมทุนแรกกับอัลติจูดดีเวลลอปเม้นท์ในประเทศไทย” ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท อัลติจูด ครีท ตลาดพลู จำกัด โดยอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ถือหุ้น 51%  และ ครีท กรุ๊ป ถือหุ้น 49% นำร่องพัฒนาโครงการแรกคือ โครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” นับเป็นโปรดักส์ไฮไลท์ที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและสอดรับกับการขยายตัวของเมืองกับเส้นทางรถไฟฟ้า อีกทั้งจากศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการ ทำให้การแข่งขันในโซนนี้เริ่มคึกคักมากขึ้น สำหรับโครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” มีมูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ สูง 34 ชั้น อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลาดพลู โดยจะมีการสร้างสะพานที่เชื่อมติดกับสถานีรถไฟฟ้าตลาดพลู ห่างเพียง 0 เมตร บนที่ดินกว่า 2 ไร่  จำนวน 711 ยูนิต ขนาดห้องมี 3 รูปแบบด้วยกัน  ได้แก่ One Bedroom เนื้อที่ 23.64 – 34.56 ตร.ม., One Bedroom Plus เนื้อที่ 36.98 – 45.18 ตร.ม. Loft One Plus One Bedroom เนื้อที่ 39.08 – 69.28  ตร.ม. ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 และคาดการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2564 นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ นับเป็นคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพตลาดพลู ย่านนิว ซีบีดี แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และเป็นโครงการแฟล็กชิพอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่จะมาสร้างมุมมองใหม่และวิถีชีวิตที่แตกต่างให้กับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ CBDs อาทิ สยาม สีลม สาทร ความโดดเด่นของทำเลตลาดพลูที่มากไปกว่านั้น คือเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทาง มีการเชื่อมต่อการเดินทางที่หลากหลายสู่ศูนย์กลางธุรกิจ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และยังมีสถานีรถไฟฟ้า อีกทั้งไม่ไกลจากพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจสีลมและสยามมากนัก” อัลติจูด ยูนิคอร์น ออกแบบที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิดพัฒนาพื้นที่เรสซิเดนซ์ที่ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถพักผ่อนอย่างแท้จริงและสร้างพลังบวก โดยโครงการฯ ได้มีการออกแบบทันสมัยพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันโดดเด่น และมุ่งเน้นเรื่องของ co-creation เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มมิลเลนเนียล สตาร์ทอัพ นักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในทั้งชีวิตส่วนตัวและธุรกิจตามที่ตนเองต้องการ ในด้านการออกแบบภายในโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ ได้ออกแบบสังคมการอยู่อาศัยที่เน้นความทันสมัยและความสะดวกสบายครบครัน ประกอบด้วย พื้นที่ส่วนกลาง (Hard Facility)  Intimate Lobby, Reception & Service Bar, Co-working Space, Co-kitchen, Fitness และ Grand Swimming Pool ที่แตกต่างกว่านั้นเป็นพื้นที่ Reception & Service Bar ออกแบบตกแต่งร้านโดยฟาลาเบลล่า (Fallabella) ร้านอาหารกึ่งผับชื่อดัง ให้เป็นที่นัดพบและลิ้มรสกาแฟด้วยรูปแบบ Coffee Corner ในตอนกลางวัน แล้วเปลี่ยนเป็นบาร์ยามค่ำคืน “ด้วยแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทที่มุ่งตอบโจทย์กลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล ในเซ็กเมนต์ระดับ Medium Class ในทำเลศักยภาพตามโครงข่ายคมนาคม โครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์นฯ ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายในการเดินทาง โอกาสการเติบโตที่มากขึ้นในอนาคตในด้านมูลค่าการลงทุนจากการขยายตัวของเมืองตามแนวรถไฟฟ้า โดยอยู่ติดกับสถานี BTS ตลาดพลู สายสีเขียว (สายสีลม) ที่เดินทางเข้าเมืองไปยังอีกหลายสถานี เช่น สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (หน้าศูนย์การค้า MBK) ผ่านสถานีสยาม ราชดำริ สีลม จากนั้นเป็น สาทร สะพานตากสิน แล้วตัดกับถนนรัชดาภิเษกที่สถานีตลาดพลู ที่วันนี้มีการขยายเส้นทางที่บริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดกับถนนเพชรเกษม (สถานีบางหว้า) รวมทั้งโครงข่ายในอนาคตที่จะขยายต่อไปยังตลิ่งชันได้ ในอีกด้านก็สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ที่สถานีบางหว้า” นายขวัญชัย กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ เมื่อมองถึงศักยภาพโดยรอบของแหล่งที่ตั้งโครงการในย่านสถานี BTS ตลาดพลู มีทั้งห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ ท่าพระ ย่านของอร่อยชื่อดัง แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น เช่น วัดสำคัญ ๆ  ไม่ไกลนักจากแลนด์มาร์คแหล่งชอปปิ้งแห่งใหม่ของย่านนี้ก็คือ ไอคอนสยาม เกี่ยวกับ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2557 โดยนายชยพล หรรรุ่งโรจน์ และ นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ สร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นตอบรับไลฟ์สไตล์ การออกแบบที่โดดเด่นและทันสมัย สอดคล้องกับทำเลศักยภาพต่างๆ สำหรับผลงานที่ผ่านมาได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ ‘อัลติจูด สามย่าน-สีลม’, อัลติจูด ดีไฟน์, อัลติจูด ซิมโฟนี, แบรนด์บ้านซูเปอร์ลักชัวรี่ ‘อัลติจูด มาสเตอรี’ และ ‘อัลติจูด พรูฟ’ แบรนด์โฮมออฟฟิศระดับพรีเมี่ยม เกี่ยวกับครีท กรุ๊ป (Creed Group) ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2539 ครีท กรุ๊ป เป็นบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มากประสบการณ์ในญี่ปุ่น โดยบริษัทมีทั้งโครงการที่เป็นการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์, การพัฒนาโครงการ, การบริหารจัดการ และการจัดการสินทรัพย์ ครีท กรุ๊ป ได้มีการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตออย่าง มาเลเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม, เมียนมา, อินโดนีเซีย, สปป.ลาว และ บังคลาเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และปัจจุบันมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม (GDV) แล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทมีความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นร่วมลงทุนกับบริษัทผู้นำในตลาดนั้นๆ www.creed-group.com

ประมวลภาพความสำเร็จ กับงานเสวนา “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า”

ประมวลภาพความสำเร็จ กับงานเสวนา “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า”

ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย ครั้งแรก และที่เดียว กับการพบกันของสุดยอดนักธุรกิจที่มาร่วมกันเจาะลึกในหัวข้อ “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า” ร่วมเสวนาโดยคุณชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และคุณเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ผนึกกำลังกันถ่ายทอดหลากหลายมุมคิด ไอเดียการปรับกลยุทธ์ เรียนรู้ภาพรวมราคา การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย มองเห็นผลตอบแทนและโอกาสในการลงทุนของอสังหาฯ ที่มีอยู่ในมือ เทคนิคการเปลี่ยนเป็นรายได้หรือแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด พร้อมวิเคราะห์กองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs ที่น่าจับตา สัมมนาครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแขกผู้มีเกียรติ และแน่นอน Moderator อย่างคุณก้อง อรรฆรัตน์ นิติพน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มัชรูม กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและผู้ดำเนินรายการอายุน้อยร้อยล้าน งานจัดขึ้นที่ Mushroom Ministry Studio แหล่งการเรียนรู้ ใครที่พลาดไป เร็วๆ นี้จะมีสรุป Highlight เนื้อหาการสอนมาให้ได้ติดตามกันแน่นอนทางเพจอายุน้อยร้อยล้าน และ www.ryounoi100lan.com

Message us