อัลติจูดส่งต่อความห่วงใย “มอบวัคซีนโมเดอร์นา” ให้กับลูกบ้าน
“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ร่วมกับ “โรงพยาบาลวิภาวดี” ส่งมอบความห่วงใยให้กับลูกบ้านอัลติจูดคนพิเศษ ผ่านแคมเปญ F1RST CARE To get it all “อัลติจูดห่วงใย..ปลอดภัยโควิดไปด้วยกัน” เมื่อวันที่ 3-4 ส.ค.ที่ ผ่านมา ณ โรงพยาบาลวิภาวดี อัลติจูดมอบวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา จำนวน 220 โดส พร้อมกับ “ถุงห่วงใย” ประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัยเเละสเปรย์แอลกอฮอล์ ให้แก่ลูกบ้านที่เข้าร่วมรับวัคซีน โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลของศูนย์สุขภาพและอาชีวอนามัย คอยอำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีน กิจกรรมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจภายใต้แนวคิด THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING เราจึงมุ่งส่งต่อความห่วงใย ความปลอดภัย และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ลูกบ้านให้มีภูมิคุ้มกันที่เเข็งแรง โดยหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเเบ่งเบาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของประเทศ พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจและความอุ่นใจให้แก่ลูกบ้าน ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปพร้อมกัน
อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมทุน ครีท กรุ๊ป จากญี่ปุ่น
เปิดตัว “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” คอนโดมิเนียมไฮไรส์ทำเลตลาดพลู เจาะตลาดมิลเลนเนียล และนักธุรกิจรุ่นใหม่ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ประกาศแผนร่วมทุนกับครีท กรุ๊ป (Creed Group) พันธมิตรใหม่จากญี่ปุ่น เสริมศักยภาพธุรกิจ นำร่องพัฒนาโครงการแฟล็กชิพ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” มูลค่า 2,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียมไฮไรส์บนทำเลศักยภาพตลาดพลู ทำเลทองแห่งใหม่ ชูจุดขายติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีตลาดพลู 0 เมตร ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ใกล้ CBDs รองรับการขยายตัวของโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียว มุ่งเจาะกลุ่มมิลเลนเนียลและนักธุรกิจรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทว่า “บริษัทยังคงเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์หลักที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาโครงการบนที่ดินทำเลดี ใจกลางเมือง และไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาและแผนการขยายงานในอนาคตจะยังคงยึดในแนวทางนี้เป็นหลัก โดยอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ในเวทีระดับโลก” ทั้งนี้ บริษัทได้ร่วมทุน (Joint Venture Agreement) กับ ครีท กรุ๊ป (Creed Group) บริษัทที่มากประสบการณ์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น และพัฒนาผลงานที่เติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาทั้งในญี่ปุ่น และภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย สปป.ลาว และบังคลาเทศ นับเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม (GDV) แล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ยังมีแนวทางขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นตลาดเป้าหมายที่สำคัญ “การทำงานร่วมกันครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นการเปิดมิติการลงทุน และการขยายธุรกิจ ที่อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ และ ครีท กรุ๊ป มองถึงการเติบโตที่เดินหน้าไปพร้อมกัน ทั้งการเพิ่มมูลค่าให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯของบริษัทเอง และการผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต” นายชยพล กล่าว มิสเตอร์โตชิฮิโกะ มูเนโยชิ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ครีท กรุ๊ป เปิดเผยว่า “เราประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศ และประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของภูมิภาค เรามุ่งเน้นลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในทำเลที่กำลังมาแรง และต้องเป็นโครงการที่น่าสนใจและมอบสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ซึ่งโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ นั้นตอบโจทย์และเป็นโครงการร่วมทุนแรกกับอัลติจูดดีเวลลอปเม้นท์ในประเทศไทย” ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท อัลติจูด ครีท ตลาดพลู จำกัด โดยอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ถือหุ้น 51% และ ครีท กรุ๊ป ถือหุ้น 49% นำร่องพัฒนาโครงการแรกคือ โครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” นับเป็นโปรดักส์ไฮไลท์ที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและสอดรับกับการขยายตัวของเมืองกับเส้นทางรถไฟฟ้า อีกทั้งจากศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการ ทำให้การแข่งขันในโซนนี้เริ่มคึกคักมากขึ้น สำหรับโครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” มีมูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ สูง 34 ชั้น อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลาดพลู โดยจะมีการสร้างสะพานที่เชื่อมติดกับสถานีรถไฟฟ้าตลาดพลู ห่างเพียง 0 เมตร บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 711 ยูนิต ขนาดห้องมี 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ One Bedroom เนื้อที่ 23.64 – 34.56 ตร.ม., One Bedroom Plus เนื้อที่ 36.98 – 45.18 ตร.ม. Loft One Plus One Bedroom เนื้อที่ 39.08 – 69.28 ตร.ม. ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 และคาดการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2564 นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ นับเป็นคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพตลาดพลู ย่านนิว ซีบีดี แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และเป็นโครงการแฟล็กชิพอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่จะมาสร้างมุมมองใหม่และวิถีชีวิตที่แตกต่างให้กับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ CBDs อาทิ สยาม สีลม สาทร ความโดดเด่นของทำเลตลาดพลูที่มากไปกว่านั้น คือเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทาง มีการเชื่อมต่อการเดินทางที่หลากหลายสู่ศูนย์กลางธุรกิจ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และยังมีสถานีรถไฟฟ้า อีกทั้งไม่ไกลจากพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจสีลมและสยามมากนัก” อัลติจูด ยูนิคอร์น ออกแบบที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิดพัฒนาพื้นที่เรสซิเดนซ์ที่ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถพักผ่อนอย่างแท้จริงและสร้างพลังบวก โดยโครงการฯ ได้มีการออกแบบทันสมัยพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันโดดเด่น และมุ่งเน้นเรื่องของ co-creation เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มมิลเลนเนียล สตาร์ทอัพ นักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในทั้งชีวิตส่วนตัวและธุรกิจตามที่ตนเองต้องการ ในด้านการออกแบบภายในโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ ได้ออกแบบสังคมการอยู่อาศัยที่เน้นความทันสมัยและความสะดวกสบายครบครัน ประกอบด้วย พื้นที่ส่วนกลาง (Hard Facility) Intimate Lobby, Reception & Service Bar, Co-working Space, Co-kitchen, Fitness และ Grand Swimming Pool ที่แตกต่างกว่านั้นเป็นพื้นที่ Reception & Service Bar ออกแบบตกแต่งร้านโดยฟาลาเบลล่า (Fallabella) ร้านอาหารกึ่งผับชื่อดัง ให้เป็นที่นัดพบและลิ้มรสกาแฟด้วยรูปแบบ Coffee Corner ในตอนกลางวัน แล้วเปลี่ยนเป็นบาร์ยามค่ำคืน “ด้วยแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทที่มุ่งตอบโจทย์กลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล ในเซ็กเมนต์ระดับ Medium Class ในทำเลศักยภาพตามโครงข่ายคมนาคม โครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์นฯ ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายในการเดินทาง โอกาสการเติบโตที่มากขึ้นในอนาคตในด้านมูลค่าการลงทุนจากการขยายตัวของเมืองตามแนวรถไฟฟ้า โดยอยู่ติดกับสถานี BTS ตลาดพลู สายสีเขียว (สายสีลม) ที่เดินทางเข้าเมืองไปยังอีกหลายสถานี เช่น สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (หน้าศูนย์การค้า MBK) ผ่านสถานีสยาม ราชดำริ สีลม จากนั้นเป็น สาทร สะพานตากสิน แล้วตัดกับถนนรัชดาภิเษกที่สถานีตลาดพลู ที่วันนี้มีการขยายเส้นทางที่บริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดกับถนนเพชรเกษม (สถานีบางหว้า) รวมทั้งโครงข่ายในอนาคตที่จะขยายต่อไปยังตลิ่งชันได้ ในอีกด้านก็สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ที่สถานีบางหว้า” นายขวัญชัย กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ เมื่อมองถึงศักยภาพโดยรอบของแหล่งที่ตั้งโครงการในย่านสถานี BTS ตลาดพลู มีทั้งห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ ท่าพระ ย่านของอร่อยชื่อดัง แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น เช่น วัดสำคัญ ๆ ไม่ไกลนักจากแลนด์มาร์คแหล่งชอปปิ้งแห่งใหม่ของย่านนี้ก็คือ ไอคอนสยาม เกี่ยวกับ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2557 โดยนายชยพล หรรรุ่งโรจน์ และ นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ สร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นตอบรับไลฟ์สไตล์ การออกแบบที่โดดเด่นและทันสมัย สอดคล้องกับทำเลศักยภาพต่างๆ สำหรับผลงานที่ผ่านมาได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ ‘อัลติจูด สามย่าน-สีลม’, อัลติจูด ดีไฟน์, อัลติจูด ซิมโฟนี, แบรนด์บ้านซูเปอร์ลักชัวรี่ ‘อัลติจูด มาสเตอรี’ และ ‘อัลติจูด พรูฟ’ แบรนด์โฮมออฟฟิศระดับพรีเมี่ยม เกี่ยวกับครีท กรุ๊ป (Creed Group) ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2539 ครีท กรุ๊ป เป็นบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มากประสบการณ์ในญี่ปุ่น โดยบริษัทมีทั้งโครงการที่เป็นการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์, การพัฒนาโครงการ, การบริหารจัดการ และการจัดการสินทรัพย์ ครีท กรุ๊ป ได้มีการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตออย่าง มาเลเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม, เมียนมา, อินโดนีเซีย, สปป.ลาว และ บังคลาเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และปัจจุบันมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม (GDV) แล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทมีความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นร่วมลงทุนกับบริษัทผู้นำในตลาดนั้นๆ www.creed-group.com
ประมวลภาพความสำเร็จ กับงานเสวนา “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า”
ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย ครั้งแรก และที่เดียว กับการพบกันของสุดยอดนักธุรกิจที่มาร่วมกันเจาะลึกในหัวข้อ “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า” ร่วมเสวนาโดยคุณชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และคุณเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ผนึกกำลังกันถ่ายทอดหลากหลายมุมคิด ไอเดียการปรับกลยุทธ์ เรียนรู้ภาพรวมราคา การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย มองเห็นผลตอบแทนและโอกาสในการลงทุนของอสังหาฯ ที่มีอยู่ในมือ เทคนิคการเปลี่ยนเป็นรายได้หรือแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด พร้อมวิเคราะห์กองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs ที่น่าจับตา สัมมนาครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแขกผู้มีเกียรติ และแน่นอน Moderator อย่างคุณก้อง อรรฆรัตน์ นิติพน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มัชรูม กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและผู้ดำเนินรายการอายุน้อยร้อยล้าน งานจัดขึ้นที่ Mushroom Ministry Studio แหล่งการเรียนรู้ ใครที่พลาดไป เร็วๆ นี้จะมีสรุป Highlight เนื้อหาการสอนมาให้ได้ติดตามกันแน่นอนทางเพจอายุน้อยร้อยล้าน และ www.ryounoi100lan.com
‘อัลติจูด’ ผนึกพันธมิตร เดินหน้าก่อสร้างโครงการ ‘อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ’ ตั้งเป้าสร้างเสร็จปี 2564
บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ ได้ฤกษ์ก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์แห่งใหม่ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” บนทำเลศักยภาพตลาดพลู ย่านนิว ซีบีดี แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และเป็นโครงการแฟล็กชิพอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่จะมาสร้างมุมมองและวิถีชีวิตที่แตกต่างให้กับคนรุ่นใหม่ และได้รับอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) และใบอนุญาตก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากครีท กรุ๊ป บริษัทร่วมทุนจากญี่ปุ่น, บริษัท ยูเวิร์ค 999 จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้าง และบริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด วิศวกรที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ได้ร่วมทำพิธีเปิดหน้าดินเพื่อเริ่มการก่อสร้างโครงการ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 โดยจะพร้อมโอนยูนิตแรกภายในเดือนกรกฎาคม และจะพร้อมโอนทุกยูนิตทั้งตึกภายในเดือนกันยายน 2564 ขณะที่ทางเดินลอยฟ้า หรือ Skywalk ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตลาดพลูจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้ บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา): นายจีระศักดิ์ ซุ้นเจริญ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด, นายสุชิน ปิ่นเศียร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (สายงานวิศวกรรมก่อสร้าง และการฝึกอบรมพัฒนาด้านเทคนิค) บริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด, นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, มิสเตอร์โตชิฮิโกะ มูเนโยชิ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการครีท กรุ๊ป, มิสเตอร์เอกุชิ ทาคาชิ ประธานกรรมการบริหารครีท กรุ๊ป, นายขจรศักดิ์ ศรีบุญเรือง ประธานบริหารบริษัท ยูเวิร์ค 999 จํากัด, นายธนพล ชื่นจิตต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูเวิร์ค 999 จํากัด บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้ร่วมทุน (Joint Venture Agreement) กับครีท กรุ๊ป (Creed Group) บริษัทที่มากประสบการณ์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น ซึ่งพัฒนาผลงานที่เติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ทั้งในญี่ปุ่น และภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาอินโดนีเซีย สปป.ลาว และบังกลาเทศ อีกทั้งยังมีแนวทางขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมทุนดังกล่าว เป็นการตั้งบริษัท อัลติจูด ครีท ตลาดพลู จำกัด ขึ้นมา ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร–ท่าพระ บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ในรูปแบบคอนโดมิเนียมไฮไรส์ สูง 34 ชั้น ขนาด 24-69 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 2.49-8 ล้านบาท จำนวน 711 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ด้านการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้ร่วมมือกับบริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด บริษัทวิศวกรที่ปรึกษามากประสบการณ์ ดำเนินธุรกิจทางด้านการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โครงการสร้างชื่อเสียงที่ผ่านมา อาทิ โครงการไบเทคบางนา เฟส 2: ภิรัช คอนเวนชั่น เซนเตอร์ และโครงการแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค เป็นต้น “อัลติจูดเป็นบริษัท อสังหาฯ ของคนรุ่นใหม่ที่มีการเติบโตสูงมาก อีกทั้งมีแนวทางการทำงานในเชิงรุก และมีการเปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้ร่วมงานกันในสภาวะที่ต้องรับมือกับคำว่า Disruption” นายจีระศักดิ์ ซุ้นเจริญ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด กล่าว ในส่วนงานก่อสร้างนั้น บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผนึกกำลังกับบริษัท ยูเวิร์ค 999 จํากัด บริษัทผู้รับเหมาฯ ที่สร้างชื่อจากผลงานล่าสุด โครงการมิกซ์ยูส สามย่าน มิตรทาวน์ โดยนายขจรศักดิ์ ศรีบุญเรือง ประธานบริหารบริษัท ยูเวิร์ค 999 จํากัด กล่าวถึงการร่วมมือกันในครั้งนี้ว่า “อัลติจูดเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ น้องใหม่ที่มีศักยภาพในการที่จะพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ โครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ถือว่ามีความโดดเด่นกว่าโครงการอื่นๆ หลายๆ โครงการในย่านนี้ การได้มาร่วมงานกันในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่เราจะเติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่งานก่อสร้างเพียงอย่างเดียว แต่เรามองถึงการเป็นพันธมิตรกันในระยะยาว เพื่อแบ่งปันเรื่องของประสบการณ์ และวิธีการดำเนินงาน เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั้งสองบริษัทยึดมั่น”
ฤกษ์งามยามดี Altitude Prove Sathorn สร้างแล้ววว!
25 มกราคม 2563 – ถือฤกษ์มงคลช่วงตรุษจีนพอดิบพอดี วันนี้คุณชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ อัลติจูด พรูฟ สาทร ได้ร่วมทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโครงการ บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขด้วยความตั้งใจที่จะส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้าของเรา อัลติจูด พรูฟ สาทร คือโครงการลักชัวรี่โฮมออฟฟิศที่เป็นที่สุด ทั้งใกล้รถไฟฟ้าที่สุด อยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่สุด และคุ้มค่าที่สุดในย่าน มาพร้อมกับหรูหราและทันสมัยที่สุด ถือเป็นอัญมณีเม็ดงามเม็ดสุดท้ายบนถนนสาทร โดยโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2563 นี้
“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ตอกย้ำ กลยุทธ์ ‘Turnkey Asset Development’ ปรับตัวเข้าสถานการณ์ แจกประกันโควิด-19 พนักงานและผู้เข้าชมโครงการ
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว และจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบกับทั้งประเทศไทยและทั่วโลก บริษัทฯ ได้ตระหนักและคำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้ อัลติจูด ประสบความสำเร็จด้วยดีจากการวางตำแหน่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รอบด้านในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นในปี 2563 จึงยังเน้นย้ำกลยุทธ์การเติบโตด้วยธุรกิจร่วมทุนและรับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ (Turnkey Asset Development) เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโครงการร่วมทุนและร่วมค้า เพื่อเป็นการแก้เกมเศรษฐกิจช่วงขาลง โดยร่วมมือกับผู้มีที่ดินเปล่า หรืออาคาร ที่ปัจจุบันไม่ก่อเกิดรายได้ หรือทำรายได้น้อยไม่คุ้มกับมูลค่าปัจจุบัน และยังไม่ต้องการลงทุนเพิ่ม หรือสร้างภาระหนี้ผูกพันใดๆ หรือรวมไปถึงผู้ที่มีเงินทุนสะสมจากการดำเนินธุรกิจ และมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่นที่ให้ผลตอบแทนได้ไม่น้อยกว่าธุรกิจปัจจุบัน เพื่อขยายฐานธุรกิจ หรือบริหารทุนสะสมที่มีอยู่จำนวนมาก ในการร่วมพัฒนาโครงการ โดยบริษัทฯ ได้ใช้โมเดลนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2561 ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่ร่วมลงทุนแล้ว 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,600 ล้านบาท และกิจการร่วมค้า 2 โครงการ มูลค่ารวม 800 ล้านบาท กับกลุ่มครีท กรุ๊ป (Creed Group) จากญี่ปุ่น, บริษัทในเครือบิวตี้ เจมส์ (Beauty Gem) และทีคิวเอ็ม(TQM) และบริษัทในเครือออโรร่า เป็นต้น ส่วนธุรกิจรับบริหารจัดการพัฒนาโครงการปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มเจรจาหาคู่ค้าที่ต้องการจะให้บริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการแบบครบวงจร ในโครงการของคู่ค้า ทั้งในรูปแบบมิกซ์ยูสที่ต่อยอดโครงการพักอาศัยติดโครงการเชิงพาณิชย์ในรูปแบบต่างๆ หรือนายหน้าที่มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติพร้อมซื้อ หรือต้องการว่าจ้างให้ บริษัทฯ พัฒนาโครงการให้ ซึ่งโมเดลบริหารจัดการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ มีที่ดินแล้วเสร็จ 2 โครงการ และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1 โครงการ ด้านทิศทางการพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้ มุ่งพัฒนาสินค้าแนวราบเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่ม ผู้อยู่อาศัยจริง (Real Demand) โดยจะเปิดตัวทาวน์โฮม ระดับราคา 2.59-3.99 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ลูกของ อัลติจูด ในย่านบางนา ซึ่งเป็นเซกเมนต์ใหม่ หลังประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งจากการขายคอนโดระดับราคา 2.5-4.5 ล้านบาท กับโครงการยูนิคอร์น ภายใต้คอนเซปต์ ‘Personalized Development’ นอกจากนั้น ยังมีบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ย่านอุดมสุข โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ไตรมาส 3-4 รวมมูลค่า 1,855 ล้านบาท ส่งผลให้อัลติจูด มีสินค้าครอบคลุมตลาดในทุกเซกเมนต์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานะการเงินของบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้จากเงินโอนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนในปีนี้กว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับเป้าหมายยอดขายปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินตามกลยุทธ์ธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทฯ วางไว้ได้อย่างถูกต้อง และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จึงได้ซื้อประกันภัยโควิด-19 มอบให้กับพนักงาน และผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการของอัลติจูด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยผู้ต้องการเข้าชมโครงการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของบริษัท www.altitude.co.th “ปีนี้ถือเป็นโอกาสของลูกค้าที่มีความต้องการแท้จริงในการซื้อที่อยู่อาศัย ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง บวกกับทางบริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นต่างๆ ผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์ที่ออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าที่ได้ซื้อสินค้าที่คุ้มค่ายิ่งกว่า แม้จะมีความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่เป็นพนักงานประจำที่มีเงินเดือนมั่นคงยังไม่ได้รับผลกระทบมาก และกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จจากการประกอบธุรกิจยุคใหม่ กลุ่มครอบครัว High-Network ครอบครัวกงสีที่มีสินทรัพย์สะสม ที่มีความต้องการ ซื้อจริง เช่น จำเป็นต้องซื้อที่อยู่ที่ใกล้สถาบันการศึกษาของบุตรหลาน ใกล้ที่ทำงาน การขยายครอบครัว และผู้ซื้อบ้านหลังแรก ทำให้ยอดขายในปี 2562 ประมาณ 2,100 ล้านบาท และใน 2 เดือนแรกของปีนี้ 200 ล้านบาท ได้มาจากลูกค้ากลุ่มนี้มากกว่า 85% จากยอดขายทั้งหมด” นายชยพลกล่าว นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ธุรกิจร่วมทุนและรับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ทุกรูปแบบที่สร้างความสำเร็จให้บริษัท มีองค์ประกอบของความสำเร็จอยู่ 3 ด้าน อันได้แก่ 1) ที่ดิน 2) เงินทุน และ 3) ทีมงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าประสบการณ์ทำงานของบริษัทฯ ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีโอกาสในการทำธุรกิจ ทั้งแบบพันธมิตรร่วมทุน ร่วมค้า ความเชี่ยวชาญของทีมงานตอบโจทย์พันธมิตรธุรกิจได้ทั้ง 3 กลุ่มเป้าหมาย อันได้แก่ 1) เจ้าของที่ดิน (Landlord) 2) กลุ่มทุน (Hi-Network) กลุ่มผู้มีกระแสเงินสดเหลือที่ต้องการบริหารพอร์ตลงทุน หรือกลุ่มทุนที่คาดหวังผลตอบแทนส่วนทุนมากกว่า 15% ต่อปี ซึ่งมีน้อยธุรกิจที่สามารถทำได้ 3) ตัวแทนนายหน้า (Connector) ที่สามารถรวมผู้ซื้อมาเป็นกลุ่มได้ หรือตัวแทนนายหน้าจากต่างประเทศที่มาร่วมลงทุนพร้อมกับซื้อห้องในโครงการส่วนหนึ่งขึ้นมาด้วย “ในกลุ่มของเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่อยากทำโครงการ อยากพัฒนาโครงการบนที่ดินที่ตนเองเป็นเจ้าของที่อยู่แล้ว เมื่อเรานำเอาความเชี่ยวชาญ และทีมงานเข้าไปร่วมทำธุรกิจ การดำเนินโครงการจึงเกิดขึ้นไม่ยากในกลุ่มของเจ้าของที่ดิน เช่นเดียวกันกับเจ้าของทุน ซึ่งคือคนในกลุ่มไฮเนทเวิร์คที่มีเงินลงทุน และต้องการลงทุนในธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากว่าการพักเงินลงทุนในสินทรัพย์อื่น ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่เห็นโอกาสธุรกิจอยู่แล้ว เช่น นายหน้าที่เห็นโอกาสการลงทุน ทั้งที่หาที่ดินมาขายให้ หรือมาร่วมทุนในลักษณะพันธมิตร เมื่อมาประกอบกับองค์ความรู้ที่อัลติจูดมีจะเห็นได้ว่าเราประสบความสำเร็จกับหลายโครงการเป็นอย่างดี ซึ่งประสบการณ์ทำงานมากับทั้ง 3 กลุ่ม นี้จะเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจที่แข็งแกร่งให้กับอัลติจูดต่อไป” นายขวัญชัยกล่าว