คุณมีวิธีการเลือกลงทุนคอนโดมิเนียมแบบไหนกันบ้าง? คำตอบยอดฮิตในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นการลงทุนแบบ Leasehold เพราะใครๆ ก็ว่าลงทุนน้อย ได้กำไรเยอะ แต่รู้หรือไม่ หากทบทวนกันให้ดี ดูกันในระยะยาวๆ แล้ว Freehold ก็มีดีและคุ้มค่าที่จะลงทุนไม่น้อยไปกว่ากัน
เราอยากชวนคุณมาสวนกระแส มองอีกมุมให้เห็นความดีงามของการลงทุนกับคอนโดแบบ Freehold ที่ดีเวลลอปเปอร์บางรายไม่เคยบอก!
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับการลงทุนคอนโดทั้ง 2 แบบกันก่อน
Leasehold คือการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว โดยไม่ได้กรรมสิทธิ์ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาก็ต้องคืนสิทธิ์ให้เจ้าของ หรือต่อสัญญาออกไปอีก ซึ่งช่วงนี้กำลังเป็นกระแสในหมู่นักลงทุน เนื่องจากเห็นว่าราคาถูกกว่า ใช้เงินต้นทุนต่ำกว่า แต่ Leasehold นั้นต้องยอมรับในเรื่องของความเสี่ยงต่างๆ เช่น คุณจะไม่มีสิทธิ์ได้ค่าชดเชยในส่วนของที่ดินและอาคาร หากเกิดการชำรุดเสียหายจากภัยพิบัติ หรือถูกเวนคืนที่ในช่วงที่ยังติดสัญญาเช่าอยู่ ที่สำคัญเมื่อสัญญาเช่าหมด กรรมสิทธิ์ในคอนโดนั้นๆ ก็จะหายไปทันที หากคุณต้องการเช่าต่อ แต่เจ้าของโครงการอยากจะขาย ก็อาจเกิดปัญหาตามมา
Freehold คือการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบขายขาด โดยผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิ์ไปครอบครองอย่างเต็มตัว และสามารถปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่งห้อง เพื่อลงทุนทำกำไรก้อนโต (Capital Gain) หากคอนโดเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือถูกเวนคืนขายที่ดิน ผู้ซื้อก็ได้ค่าชดเชยตามสัดส่วนในโฉนดที่ดิน รวมถึงยังมีโอกาสกู้กับธนาคารได้วงเงินสูงสุด 100% อีกด้วย และถึงแม้เขาจะบอกกันว่าต้องใช้เงินลงทุนในการซื้อสูง แต่อย่าลืมว่าผู้ซื้อแบบ Freehold มีอิสระในการทำกำไรได้ในหลายรูปแบบ ทั้งให้เช่า หรือขายต่อก็สามารถทำได้ ที่สำคัญยังกลายเป็นมรดกตกทอดให้แก่ลูกหลานได้อีกด้วย
ลงทุนแบบไหนดีกว่ากันแน่
หากให้เปรียบเทียบการลงทุนคอนโดทั้ง 2 แบบนั้น คงต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความต้องการและจุดประสงค์ในการลงทุนของแต่ละบุคคล
หากคุณเป็นคนที่เน้นจะได้กำไรเยอะๆ ระยะยาว Freehold คือทางเลือกที่ดี เนื่องจาก Freehold คือการซื้อขายขาดไม่ว่าจะอีกกี่สิบปี คอนโดนี้ก็จะเป็นของคุณ ซึ่งคุณสามารถหาวิธีเพิ่มกำไรได้หลากหลายช่องทาง ทั้งขายต่อและให้เช่า ที่สำคัญที่ดินมีแต่ราคาขึ้นสูง ยิ่งเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจหรือเขตเมืองชั้นใน เช่น สามย่าน สีลม สาทรด้วยแล้ว รับรองเลยว่าซื้อขาดวันนี้ ไม่กี่ปีราคาก็เติบโตไม่มีหยุด
หากคุณต้องการครองคอนโดยาวๆ แล้วหวังจะหาผู้เช่าหน้าใหม่หรืออาจเป็นผู้เช่าหน้าเดิมในช่วงท้ายสิ้นสุดสัญญาแบบนี้ ถ้าใครลงทุนคอนโดแบบ Leasehold ไว้ อาจเจองานอ่วมได้ เพราะจะไม่มีคนกล้าเช่า กล้าซื้อแน่ๆ เนื่องจากผู้เช่ามองว่าเสี่ยงเกินไปที่จะอยู่อาศัย
ถ้าคุณเป็นคนที่เงินในกระเป๋าน้อย แล้วคิดว่างั้นซื้อแค่ Leasehold ก็พอ เพราะกินกำไรจากการเช่าไปได้เกือบ 30 ปี ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าต้องระมัดระวังให้ดี ถ้าคอนโดนั้นมีราคา Leasehold ต่อตารางเมตรนั้นถูกกว่าแบบ Freehold ถึง 1 ใน 3 ขอแนะนำว่าเลือก Leasehold น่าจะดีกว่า แต่หาก Leasehold มีราคาใกล้เคียงหรือต่างกันไม่ถึง 50% แบบนี้ลงทุน Freehold คุ้มค่ากว่าแน่นอน ยิ่งเป็นทำเลอนาคตดีในโซนสามย่าน สีลม สาทรที่คนต่างมองว่า Freehold ถูกๆ ราคาใกล้เคียงกับ Leasehold คงไม่มี แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ายังมีเพชรเม็ดงามที่คุณจะลงทุนแบบ Freehold ได้ในราคาที่แทบไม่ต่างจาก Leasehold เพราะมีราคาเพียง 160,000 บ./ตร.ม. เท่านั้น เรียกว่าคอนโดในโซนนี้หาราคาที่ไม่ถึง 200,000 บ./ตร.ม. แทบไม่ได้แล้ว แต่ Altitude หามาให้ นั่นก็คือ Altitude สามย่าน-สีลม
Altitude สามย่าน-สีลม คอนโด Low Rise 8 ชั้น ที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจสำคัญกลางเมืองกรุง ใกล้ MRT สามย่าน เดินทางไปยังเขตเศรษฐกิจใกล้เคียงได้ง่าย รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งแหล่งสถานศึกษาและแหล่งงาน ไม่ว่าจะเป็น จามจุรีสแควร์, สามย่านมิตรทาวน์, โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, ย่านธุรกิจสีลม, สวนลุมพินี, สยามสแควร์, โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และเยาวราช เป็นต้น
ราคาขายเริ่มต้นที่ 2 ห้องนอน 6.9 ล้านบาท หรือ 160,000 บ./ตร.ม. เท่านั้น ราคาแทบไม่ต่างกับซื้อแบบ Leasehold ที่เป็นเพียงการเช่ากรรมสิทธิ์ในทำเลเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน แถมหากเป็นอสังหาฯ หลังแรกยังมีโอกาสกู้เงินได้ถึง 100% แม้ว่า LTV ใหม่จะประกาศใช้แล้วก็ตาม
ดูแล้วการลงทุน Freehold ที่นี่ ยังไงก็คุ้มค่าแบบเห็นๆ ทำความรู้จักโครงการอัลติจูด สามย่าน-สีลม เพิ่มเติมได้ที่นี่