loader image

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ผนึกพันธมิตร พัฒนาสินค้าวิถีใหม่ LUXOCIETIES เจาะตลาดพรีเมี่ยม 4 โครงการ มูลค่า 2,990 ล้านบาท

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” จับมือพันธมิตรทางธุรกิจฝ่าวิกฤตโควิด-19 ปักหมุดลุยตลาดลักซ์ชัวรี่ ชูแนวคิดสร้างสังคมระดับพรีเมี่ยม “LUXOCIETIES” ตอบโจทย์ผู้บริโภค เปิดขาย 4 โครงการลักซ์ชัวรี่ ‘ดิ วัน เบลลาจิโอ, อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท, วัน อัลติจูด เจริญกรุง, อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง-สาทร’ มูลค่ารวม 2,990 ล้านบาท โดย ผลประกอบการปี 2563 มียอดรอรับรู้รายได้แล้วกว่า 2,823 ล้านบาท และมียอดขายเดือนล่าสุดถึง 375 ล้านบาท

นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า ภายใต้ความกดดันของวิกฤตโควิด-19 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยกลุ่มสินค้าระดับลักซ์ชัวรี่ (Luxury) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการอาศัยอยู่จริง (Real Demand) โดยหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นโอกาสของลูกค้าที่จะได้ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพในราคาคุ้มค่าที่สุด เพราะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ต่างแข่งขันกันปรับลดราคาและโปรโมชั่นลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ตลาดที่ได้รับความนิยมสูงและมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว คือบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ย่านกลางเมืองและย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ที่มีระดับราคาตั้งแต่ 25.90-150 ล้านบาท รวมถึงคอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ และคอนโดมิเนียมในทำเลที่ติดหรือใกล้กับสถานศึกษา

“จากสถานการณ์โควิด-19 บริษัทได้ปรับแนวคิดรูปแบบใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และแก้ไขปัญหาในการอยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นบ้านให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ พร้อมการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities) ที่รองรับไลฟ์สไลต์ชีวิตอย่างครบครัน รวมถึงจำนวนยูนิตที่มีไม่มาก เพื่อตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวในการยกระดับสังคมพรีเมี่ยม”

อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ยังคงขับเคลื่อนธุรกิจที่แตกต่างผ่านกลยุทธ์ Turnkey Asset Development  โดยร่วมมือกับพันธมิตรหรือเจ้าของกิจการชั้นนำจากหลากหลายวงการ และมีความโดดเด่นในแง่มุมต่างๆ ทำให้เกิดมิติและการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาโครงการหลากหลายเซกเมนต์ตั้งแต่ระดับเออร์เบิน อีโคโนมี (Urban Economy) จนถึงระดับลักซ์ชัวรี่ ซึ่งระดับลักซ์ชัวรี่ มีราคาตั้งแต่ 8 ล้านบาท ถึง 96 ล้านบาท ถือว่ามีความโดดเด่นและมีจุดแข็งที่แตกต่าง ภายใต้แนวความคิดการพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้ชีวิตโดยเน้นไปที่การสร้างสังคมระดับพรีเมี่ยม “LUXOCIETIES” ที่มีจุดแข็ง 3 ข้อ คือ

  1. อสังหาริมทรัพย์ทั้งทางแนวสูงและแนวราบ มีการพัฒนารูปแบบในสร้างพื้นที่ส่วนกลางและฟังก์ชั่นบ้านใหม่ ในลักษณะ Exclusive Facilities & Service เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ในอนาคต โดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตแบบส่วนตัวและสังคมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมด้วยการบริการระดับพรีเมี่ยมเทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว มีส่วนกลางที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย และการบริการที่มอบให้ เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตและสร้างความแตกต่างอย่างเหนือระดับ
  2. การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษ แบบ Ultra Ordinary Living เป็นมากกว่าการสร้างที่อยู่อาศัย แต่เพื่อเพิ่มมูลค่าของชีวิต เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และต่อยอดการทำงานสร้างเครือข่าย (Connection) ที่มีความแข็งแรง จากลูกค้ากลุ่มระดับบน Ultra Elite Class เกิดเป็นสังคมระดับบนกลุ่มใหม่ที่รวมของบุคคลชั้นนำจากหลากหลายวงการ นอกจากนั้น ทุกโครงการจะมีการสร้างสังคมแบบ “Successful Society” ผ่านส่วนกลางต่าง หรือรูปแบบจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อให้ลูกบ้านได้รู้จักและสร้างเครือข่ายซึ่งกันและกันได้
  3. การหาพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะ Honorable Partner ที่เข้าใจตลาดลักซ์ชัวรี่อย่างแท้จริง โดยที่ผ่านมาทุกโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปของบริษัท เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทหรือบุคคลชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือในหลายสาขาผ่านโมเดลธุรกิจ Turnkey Asset Development รับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ โดยใช้องค์ประกอบอยู่ 3 ด้านคือ  1. ที่ดิน สำหรับเจ้าของทรัพย์สินที่ต้องการพัฒนาให้ก่อเกิดรายได้แต่ไม่มีประสบการณ์  2. เงินทุน 3. ทีมงาน เช่นกรณีของ คุณหนึ่ง สุริยน ศรีอรทัยกุล เจ้าของบิวตี้ เจมส์ บริษัทอัญมณีอันดับหนึ่งของไทย และ Honorable Partner อื่นๆ อีกมากมาย

นายชยพล กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเปิดขายโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,990 ล้านบาท ได้แก่ ‘ดิ วัน เบลลาจิโอ (The One Bellagio)’ คฤหาสน์หรูของกลุ่มเศรษฐีมีระดับที่ต้องการสรรหาที่พักอาศัยบนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บนถนนศาลายา ที่สุดของการใช้ชีวิตแบบเอกสิทธิ์เฉพาะ ด้วยแนวคิด Fuga Pacifica (Peaceful Escape) ผ่านงานดีไซน์และแรงบันดาลใจจากคฤหาสน์ Villa Melzi ในเมืองพักผ่อนชื่อดังระดับโลก เบลลาจิโอ ประเทศอิตาลี ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 404 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 34 ล้านบาท จำนวน 12 ยูนิต มูลค่าโครงการ 474 ล้านบาท

‘อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท (Altitude Mastery Sukhumvit)’ ไพรเวทพูลวิลล่าระดับลักซ์ชัวรี่ ภายใต้แนวคิด “Living An Aesthetic Life” ที่ได้แรงบันดาลใจจากการพักอาศัยร่วมกับธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่พักผ่อนที่ให้เลือกเปิดรับธรรมชาติได้ตามใจ ทั้งรายละเอียดการออกแบบและวัสดุที่เลือกใช้ที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ผสานอัตลักษณ์โดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ท ใจกลางกรุงเทพฯ ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 66 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท จำนวน 16 ยูนิต มูลค่าโครงการ 416 ล้านบาท

‘วัน อัลติจูด เจริญกรุง (One Altitude Charoenkrung)’ ไอคอนนิคคอนโดมิเนียม วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสุดหรู ความร่วมมือระหว่าง อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์และบริษัท บิวตี้ เจมส์ ดีไซน์รูปแบบอาคารด้วยรูปแบบเหลี่ยมเพชรดั่งอัญมณีที่ล้ำค่า เป็นคอนโดมิเนียม Branded Residences ที่มาพร้อมการบริการระดับโรงแรม 5 ดาว หนึ่งเดียวในย่านเจริญกรุง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการ ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 31.8 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท จำนวน 85 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,152 ล้านบาท

‘อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง – สาทร (Altitude Symphony Charoenkrung-Sathorn)’ คอนโดมิเนียมสมัยใหม่ที่รวมทุกเรื่องราวของเจริญกรุง มาร้อยเรียงเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวทั้งหมด 3 ชั้น ที่สุดของความเป็นส่วนตัว และจอดรถถึง 83% สระว่ายน้ำ 360 องศา (Infinity Pool) รับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและถนนเจริญกรุงห่างจากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอร์รี่ 400 เมตรและเพียง 10 นาที ถึงสาทร ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.85 ล้านบาท จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ 948 ล้านบาท

นายสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด บริษัทอัญมณีอันดับหนึ่งของประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ว่า ตนในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในวงการสินค้าระดับลักซ์ชัวรี่มาโดยตลอด เข้าใจดีถึงความต้องการของลูกค้าในระดับลักซ์ชัวรี่ที่ค่อนข้างมีความพิถีพิถัน และคำนึงถึงความใส่ใจในการบริการ พื้นที่ส่วนกลางและการบริการในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟกับลูกค้ากลุ่มนี้ จึงเป็นสิ่งที่ลูกค้ายอมจ่ายเพื่อให้ได้บริการอันเป็นพิเศษ ประสบการณ์ของกลุ่ม บิวตี้ เจมส์ ที่มีความเข้าใจลูกค้าระดับลักซ์ชัวรี่ และตอบโจทย์การสร้างสังคมในแบบ LUXOCIETIES ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นคุณมนชยา คุปตะวินทุ (อาจารย์อุ้ม) เจ้าของโรงเรียนพัฒนาบุคลิกภาพ และภาษา Perfect Angel’s อันดับต้นของประเทศ ได้เข้ามาเสริมการดูแลและการให้ความประทับใจลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสำนักงานขายทุกโครงการ โดยใช้คอนเซ็ปท์ในการดูแลลูกค้าทุกท่านที่เรียกว่า “Residential Class Service” เป็นการดูแลแบบระดับบนสุดของสายการบิน ซึ่งจะทำให้ทุกก้าวของลูกค้าทุกท่านเกิดความประทับใจที่สุด เพราะสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบนนั้นความประทับใจ คือเรื่องสำคัญที่สุด

สำหรับ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าและนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจากการได้รับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001:2015 อย่างเป็นทางการ จาก SGS บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับสากล ที่ให้การรับรองเพื่อรองรับการเติบโตและสร้างความเชื่อมั่นจากพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศๆอีกด้วย

แชร์

เรื่องราวเพิ่มเติมที่คุณอาจสนใจ

อัลติจูดส่งต่อความห่วงใย "มอบวัคซีนโมเดอร์นา" ให้กับลูกบ้าน

อัลติจูดส่งต่อความห่วงใย “มอบวัคซีนโมเดอร์นา” ให้กับลูกบ้าน

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ร่วมกับ “โรงพยาบาลวิภาวดี” ส่งมอบความห่วงใยให้กับลูกบ้านอัลติจูดคนพิเศษ ผ่านแคมเปญ F1RST CARE To get it all “อัลติจูดห่วงใย..ปลอดภัยโควิดไปด้วยกัน”    เมื่อวันที่ 3-4 ส.ค.ที่ ผ่านมา ณ โรงพยาบาลวิภาวดี อัลติจูดมอบวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา จำนวน 220 โดส พร้อมกับ “ถุงห่วงใย” ประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัยเเละสเปรย์แอลกอฮอล์ ให้แก่ลูกบ้านที่เข้าร่วมรับวัคซีน โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลของศูนย์สุขภาพและอาชีวอนามัย คอยอำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีน กิจกรรมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจภายใต้แนวคิด THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING เราจึงมุ่งส่งต่อความห่วงใย ความปลอดภัย และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ลูกบ้านให้มีภูมิคุ้มกันที่เเข็งแรง โดยหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเเบ่งเบาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของประเทศ พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจและความอุ่นใจให้แก่ลูกบ้าน ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปพร้อมกัน

อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมทุน ครีท กรุ๊ป จากญี่ปุ่น

อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมทุน ครีท กรุ๊ป จากญี่ปุ่น

เปิดตัว “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” คอนโดมิเนียมไฮไรส์ทำเลตลาดพลู เจาะตลาดมิลเลนเนียล และนักธุรกิจรุ่นใหม่ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ประกาศแผนร่วมทุนกับครีท กรุ๊ป (Creed Group) พันธมิตรใหม่จากญี่ปุ่น เสริมศักยภาพธุรกิจ นำร่องพัฒนาโครงการแฟล็กชิพ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” มูลค่า 2,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียมไฮไรส์บนทำเลศักยภาพตลาดพลู ทำเลทองแห่งใหม่ ชูจุดขายติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีตลาดพลู 0 เมตร ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ใกล้ CBDs รองรับการขยายตัวของโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียว มุ่งเจาะกลุ่มมิลเลนเนียลและนักธุรกิจรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทว่า “บริษัทยังคงเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์หลักที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาโครงการบนที่ดินทำเลดี ใจกลางเมือง และไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาและแผนการขยายงานในอนาคตจะยังคงยึดในแนวทางนี้เป็นหลัก โดยอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ในเวทีระดับโลก” ทั้งนี้ บริษัทได้ร่วมทุน (Joint Venture Agreement) กับ ครีท กรุ๊ป (Creed Group) บริษัทที่มากประสบการณ์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น และพัฒนาผลงานที่เติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาทั้งในญี่ปุ่น และภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย สปป.ลาว และบังคลาเทศ นับเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม (GDV) แล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ยังมีแนวทางขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นตลาดเป้าหมายที่สำคัญ   “การทำงานร่วมกันครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นการเปิดมิติการลงทุน และการขยายธุรกิจ ที่อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ และ ครีท กรุ๊ป มองถึงการเติบโตที่เดินหน้าไปพร้อมกัน ทั้งการเพิ่มมูลค่าให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯของบริษัทเอง และการผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต” นายชยพล กล่าว มิสเตอร์โตชิฮิโกะ มูเนโยชิ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ครีท กรุ๊ป เปิดเผยว่า “เราประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศ และประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของภูมิภาค เรามุ่งเน้นลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในทำเลที่กำลังมาแรง และต้องเป็นโครงการที่น่าสนใจและมอบสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ซึ่งโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ นั้นตอบโจทย์และเป็นโครงการร่วมทุนแรกกับอัลติจูดดีเวลลอปเม้นท์ในประเทศไทย” ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท อัลติจูด ครีท ตลาดพลู จำกัด โดยอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ถือหุ้น 51%  และ ครีท กรุ๊ป ถือหุ้น 49% นำร่องพัฒนาโครงการแรกคือ โครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” นับเป็นโปรดักส์ไฮไลท์ที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและสอดรับกับการขยายตัวของเมืองกับเส้นทางรถไฟฟ้า อีกทั้งจากศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการ ทำให้การแข่งขันในโซนนี้เริ่มคึกคักมากขึ้น สำหรับโครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” มีมูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ สูง 34 ชั้น อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลาดพลู โดยจะมีการสร้างสะพานที่เชื่อมติดกับสถานีรถไฟฟ้าตลาดพลู ห่างเพียง 0 เมตร บนที่ดินกว่า 2 ไร่  จำนวน 711 ยูนิต ขนาดห้องมี 3 รูปแบบด้วยกัน  ได้แก่ One Bedroom เนื้อที่ 23.64 – 34.56 ตร.ม., One Bedroom Plus เนื้อที่ 36.98 – 45.18 ตร.ม. Loft One Plus One Bedroom เนื้อที่ 39.08 – 69.28  ตร.ม. ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 และคาดการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2564 นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ นับเป็นคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพตลาดพลู ย่านนิว ซีบีดี แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และเป็นโครงการแฟล็กชิพอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่จะมาสร้างมุมมองใหม่และวิถีชีวิตที่แตกต่างให้กับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ CBDs อาทิ สยาม สีลม สาทร ความโดดเด่นของทำเลตลาดพลูที่มากไปกว่านั้น คือเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทาง มีการเชื่อมต่อการเดินทางที่หลากหลายสู่ศูนย์กลางธุรกิจ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และยังมีสถานีรถไฟฟ้า อีกทั้งไม่ไกลจากพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจสีลมและสยามมากนัก” อัลติจูด ยูนิคอร์น ออกแบบที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิดพัฒนาพื้นที่เรสซิเดนซ์ที่ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถพักผ่อนอย่างแท้จริงและสร้างพลังบวก โดยโครงการฯ ได้มีการออกแบบทันสมัยพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันโดดเด่น และมุ่งเน้นเรื่องของ co-creation เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มมิลเลนเนียล สตาร์ทอัพ นักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในทั้งชีวิตส่วนตัวและธุรกิจตามที่ตนเองต้องการ ในด้านการออกแบบภายในโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ ได้ออกแบบสังคมการอยู่อาศัยที่เน้นความทันสมัยและความสะดวกสบายครบครัน ประกอบด้วย พื้นที่ส่วนกลาง (Hard Facility)  Intimate Lobby, Reception & Service Bar, Co-working Space, Co-kitchen, Fitness และ Grand Swimming Pool ที่แตกต่างกว่านั้นเป็นพื้นที่ Reception & Service Bar ออกแบบตกแต่งร้านโดยฟาลาเบลล่า (Fallabella) ร้านอาหารกึ่งผับชื่อดัง ให้เป็นที่นัดพบและลิ้มรสกาแฟด้วยรูปแบบ Coffee Corner ในตอนกลางวัน แล้วเปลี่ยนเป็นบาร์ยามค่ำคืน “ด้วยแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทที่มุ่งตอบโจทย์กลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล ในเซ็กเมนต์ระดับ Medium Class ในทำเลศักยภาพตามโครงข่ายคมนาคม โครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์นฯ ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายในการเดินทาง โอกาสการเติบโตที่มากขึ้นในอนาคตในด้านมูลค่าการลงทุนจากการขยายตัวของเมืองตามแนวรถไฟฟ้า โดยอยู่ติดกับสถานี BTS ตลาดพลู สายสีเขียว (สายสีลม) ที่เดินทางเข้าเมืองไปยังอีกหลายสถานี เช่น สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (หน้าศูนย์การค้า MBK) ผ่านสถานีสยาม ราชดำริ สีลม จากนั้นเป็น สาทร สะพานตากสิน แล้วตัดกับถนนรัชดาภิเษกที่สถานีตลาดพลู ที่วันนี้มีการขยายเส้นทางที่บริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดกับถนนเพชรเกษม (สถานีบางหว้า) รวมทั้งโครงข่ายในอนาคตที่จะขยายต่อไปยังตลิ่งชันได้ ในอีกด้านก็สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ที่สถานีบางหว้า” นายขวัญชัย กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ เมื่อมองถึงศักยภาพโดยรอบของแหล่งที่ตั้งโครงการในย่านสถานี BTS ตลาดพลู มีทั้งห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ ท่าพระ ย่านของอร่อยชื่อดัง แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น เช่น วัดสำคัญ ๆ  ไม่ไกลนักจากแลนด์มาร์คแหล่งชอปปิ้งแห่งใหม่ของย่านนี้ก็คือ ไอคอนสยาม เกี่ยวกับ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2557 โดยนายชยพล หรรรุ่งโรจน์ และ นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ สร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นตอบรับไลฟ์สไตล์ การออกแบบที่โดดเด่นและทันสมัย สอดคล้องกับทำเลศักยภาพต่างๆ สำหรับผลงานที่ผ่านมาได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ ‘อัลติจูด สามย่าน-สีลม’, อัลติจูด ดีไฟน์, อัลติจูด ซิมโฟนี, แบรนด์บ้านซูเปอร์ลักชัวรี่ ‘อัลติจูด มาสเตอรี’ และ ‘อัลติจูด พรูฟ’ แบรนด์โฮมออฟฟิศระดับพรีเมี่ยม เกี่ยวกับครีท กรุ๊ป (Creed Group) ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2539 ครีท กรุ๊ป เป็นบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มากประสบการณ์ในญี่ปุ่น โดยบริษัทมีทั้งโครงการที่เป็นการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์, การพัฒนาโครงการ, การบริหารจัดการ และการจัดการสินทรัพย์ ครีท กรุ๊ป ได้มีการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตออย่าง มาเลเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม, เมียนมา, อินโดนีเซีย, สปป.ลาว และ บังคลาเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และปัจจุบันมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม (GDV) แล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทมีความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นร่วมลงทุนกับบริษัทผู้นำในตลาดนั้นๆ www.creed-group.com

ประมวลภาพความสำเร็จ กับงานเสวนา “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า”

ประมวลภาพความสำเร็จ กับงานเสวนา “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า”

ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย ครั้งแรก และที่เดียว กับการพบกันของสุดยอดนักธุรกิจที่มาร่วมกันเจาะลึกในหัวข้อ “สร้างโอกาสทางธุรกิจในอสังหาฯ ไทย ต่อยอดและแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่า” ร่วมเสวนาโดยคุณชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และคุณเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ผนึกกำลังกันถ่ายทอดหลากหลายมุมคิด ไอเดียการปรับกลยุทธ์ เรียนรู้ภาพรวมราคา การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย มองเห็นผลตอบแทนและโอกาสในการลงทุนของอสังหาฯ ที่มีอยู่ในมือ เทคนิคการเปลี่ยนเป็นรายได้หรือแปลงเป็นทุนอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด พร้อมวิเคราะห์กองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs ที่น่าจับตา สัมมนาครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแขกผู้มีเกียรติ และแน่นอน Moderator อย่างคุณก้อง อรรฆรัตน์ นิติพน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มัชรูม กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและผู้ดำเนินรายการอายุน้อยร้อยล้าน งานจัดขึ้นที่ Mushroom Ministry Studio แหล่งการเรียนรู้ ใครที่พลาดไป เร็วๆ นี้จะมีสรุป Highlight เนื้อหาการสอนมาให้ได้ติดตามกันแน่นอนทางเพจอายุน้อยร้อยล้าน และ www.ryounoi100lan.com

Message us