“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” จับมือพันธมิตรทางธุรกิจฝ่าวิกฤตโควิด-19 ปักหมุดลุยตลาดลักซ์ชัวรี่ ชูแนวคิดสร้างสังคมระดับพรีเมี่ยม “LUXOCIETIES” ตอบโจทย์ผู้บริโภค เปิดขาย 4 โครงการลักซ์ชัวรี่ ‘ดิ วัน เบลลาจิโอ, อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท, วัน อัลติจูด เจริญกรุง, อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง-สาทร’ มูลค่ารวม 2,990 ล้านบาท โดย ผลประกอบการปี 2563 มียอดรอรับรู้รายได้แล้วกว่า 2,823 ล้านบาท และมียอดขายเดือนล่าสุดถึง 375 ล้านบาท
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า ภายใต้ความกดดันของวิกฤตโควิด-19 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยกลุ่มสินค้าระดับลักซ์ชัวรี่ (Luxury) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการอาศัยอยู่จริง (Real Demand) โดยหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นโอกาสของลูกค้าที่จะได้ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพในราคาคุ้มค่าที่สุด เพราะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ต่างแข่งขันกันปรับลดราคาและโปรโมชั่นลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ตลาดที่ได้รับความนิยมสูงและมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว คือบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ย่านกลางเมืองและย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ที่มีระดับราคาตั้งแต่ 25.90-150 ล้านบาท รวมถึงคอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ และคอนโดมิเนียมในทำเลที่ติดหรือใกล้กับสถานศึกษา
“จากสถานการณ์โควิด-19 บริษัทได้ปรับแนวคิดรูปแบบใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และแก้ไขปัญหาในการอยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นบ้านให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ พร้อมการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities) ที่รองรับไลฟ์สไลต์ชีวิตอย่างครบครัน รวมถึงจำนวนยูนิตที่มีไม่มาก เพื่อตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวในการยกระดับสังคมพรีเมี่ยม”
อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ยังคงขับเคลื่อนธุรกิจที่แตกต่างผ่านกลยุทธ์ Turnkey Asset Development โดยร่วมมือกับพันธมิตรหรือเจ้าของกิจการชั้นนำจากหลากหลายวงการ และมีความโดดเด่นในแง่มุมต่างๆ ทำให้เกิดมิติและการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาโครงการหลากหลายเซกเมนต์ตั้งแต่ระดับเออร์เบิน อีโคโนมี (Urban Economy) จนถึงระดับลักซ์ชัวรี่ ซึ่งระดับลักซ์ชัวรี่ มีราคาตั้งแต่ 8 ล้านบาท ถึง 96 ล้านบาท ถือว่ามีความโดดเด่นและมีจุดแข็งที่แตกต่าง ภายใต้แนวความคิดการพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้ชีวิตโดยเน้นไปที่การสร้างสังคมระดับพรีเมี่ยม “LUXOCIETIES” ที่มีจุดแข็ง 3 ข้อ คือ
- อสังหาริมทรัพย์ทั้งทางแนวสูงและแนวราบ มีการพัฒนารูปแบบในสร้างพื้นที่ส่วนกลางและฟังก์ชั่นบ้านใหม่ ในลักษณะ Exclusive Facilities & Service เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ในอนาคต โดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตแบบส่วนตัวและสังคมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมด้วยการบริการระดับพรีเมี่ยมเทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว มีส่วนกลางที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย และการบริการที่มอบให้ เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตและสร้างความแตกต่างอย่างเหนือระดับ
- การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษ แบบ Ultra Ordinary Living เป็นมากกว่าการสร้างที่อยู่อาศัย แต่เพื่อเพิ่มมูลค่าของชีวิต เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และต่อยอดการทำงานสร้างเครือข่าย (Connection) ที่มีความแข็งแรง จากลูกค้ากลุ่มระดับบน Ultra Elite Class เกิดเป็นสังคมระดับบนกลุ่มใหม่ที่รวมของบุคคลชั้นนำจากหลากหลายวงการ นอกจากนั้น ทุกโครงการจะมีการสร้างสังคมแบบ “Successful Society” ผ่านส่วนกลางต่าง หรือรูปแบบจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อให้ลูกบ้านได้รู้จักและสร้างเครือข่ายซึ่งกันและกันได้
- การหาพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะ Honorable Partner ที่เข้าใจตลาดลักซ์ชัวรี่อย่างแท้จริง โดยที่ผ่านมาทุกโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปของบริษัท เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทหรือบุคคลชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือในหลายสาขาผ่านโมเดลธุรกิจ Turnkey Asset Development รับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ โดยใช้องค์ประกอบอยู่ 3 ด้านคือ 1. ที่ดิน สำหรับเจ้าของทรัพย์สินที่ต้องการพัฒนาให้ก่อเกิดรายได้แต่ไม่มีประสบการณ์ 2. เงินทุน 3. ทีมงาน เช่นกรณีของ คุณหนึ่ง สุริยน ศรีอรทัยกุล เจ้าของบิวตี้ เจมส์ บริษัทอัญมณีอันดับหนึ่งของไทย และ Honorable Partner อื่นๆ อีกมากมาย
นายชยพล กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเปิดขายโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,990 ล้านบาท ได้แก่ ‘ดิ วัน เบลลาจิโอ (The One Bellagio)’ คฤหาสน์หรูของกลุ่มเศรษฐีมีระดับที่ต้องการสรรหาที่พักอาศัยบนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บนถนนศาลายา ที่สุดของการใช้ชีวิตแบบเอกสิทธิ์เฉพาะ ด้วยแนวคิด Fuga Pacifica (Peaceful Escape) ผ่านงานดีไซน์และแรงบันดาลใจจากคฤหาสน์ Villa Melzi ในเมืองพักผ่อนชื่อดังระดับโลก เบลลาจิโอ ประเทศอิตาลี ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 404 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 34 ล้านบาท จำนวน 12 ยูนิต มูลค่าโครงการ 474 ล้านบาท
‘อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท (Altitude Mastery Sukhumvit)’ ไพรเวทพูลวิลล่าระดับลักซ์ชัวรี่ ภายใต้แนวคิด “Living An Aesthetic Life” ที่ได้แรงบันดาลใจจากการพักอาศัยร่วมกับธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่พักผ่อนที่ให้เลือกเปิดรับธรรมชาติได้ตามใจ ทั้งรายละเอียดการออกแบบและวัสดุที่เลือกใช้ที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ผสานอัตลักษณ์โดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ท ใจกลางกรุงเทพฯ ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 66 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท จำนวน 16 ยูนิต มูลค่าโครงการ 416 ล้านบาท
‘วัน อัลติจูด เจริญกรุง (One Altitude Charoenkrung)’ ไอคอนนิคคอนโดมิเนียม วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสุดหรู ความร่วมมือระหว่าง อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์และบริษัท บิวตี้ เจมส์ ดีไซน์รูปแบบอาคารด้วยรูปแบบเหลี่ยมเพชรดั่งอัญมณีที่ล้ำค่า เป็นคอนโดมิเนียม Branded Residences ที่มาพร้อมการบริการระดับโรงแรม 5 ดาว หนึ่งเดียวในย่านเจริญกรุง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการ ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 31.8 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท จำนวน 85 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,152 ล้านบาท
‘อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง – สาทร (Altitude Symphony Charoenkrung-Sathorn)’ คอนโดมิเนียมสมัยใหม่ที่รวมทุกเรื่องราวของเจริญกรุง มาร้อยเรียงเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวทั้งหมด 3 ชั้น ที่สุดของความเป็นส่วนตัว และจอดรถถึง 83% สระว่ายน้ำ 360 องศา (Infinity Pool) รับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและถนนเจริญกรุงห่างจากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอร์รี่ 400 เมตรและเพียง 10 นาที ถึงสาทร ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.85 ล้านบาท จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ 948 ล้านบาท
นายสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด บริษัทอัญมณีอันดับหนึ่งของประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ว่า ตนในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในวงการสินค้าระดับลักซ์ชัวรี่มาโดยตลอด เข้าใจดีถึงความต้องการของลูกค้าในระดับลักซ์ชัวรี่ที่ค่อนข้างมีความพิถีพิถัน และคำนึงถึงความใส่ใจในการบริการ พื้นที่ส่วนกลางและการบริการในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟกับลูกค้ากลุ่มนี้ จึงเป็นสิ่งที่ลูกค้ายอมจ่ายเพื่อให้ได้บริการอันเป็นพิเศษ ประสบการณ์ของกลุ่ม บิวตี้ เจมส์ ที่มีความเข้าใจลูกค้าระดับลักซ์ชัวรี่ และตอบโจทย์การสร้างสังคมในแบบ LUXOCIETIES ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นคุณมนชยา คุปตะวินทุ (อาจารย์อุ้ม) เจ้าของโรงเรียนพัฒนาบุคลิกภาพ และภาษา Perfect Angel’s อันดับต้นของประเทศ ได้เข้ามาเสริมการดูแลและการให้ความประทับใจลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสำนักงานขายทุกโครงการ โดยใช้คอนเซ็ปท์ในการดูแลลูกค้าทุกท่านที่เรียกว่า “Residential Class Service” เป็นการดูแลแบบระดับบนสุดของสายการบิน ซึ่งจะทำให้ทุกก้าวของลูกค้าทุกท่านเกิดความประทับใจที่สุด เพราะสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบนนั้นความประทับใจ คือเรื่องสำคัญที่สุด
สำหรับ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าและนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจากการได้รับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001:2015 อย่างเป็นทางการ จาก SGS บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับสากล ที่ให้การรับรองเพื่อรองรับการเติบโตและสร้างความเชื่อมั่นจากพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศๆอีกด้วย